นวัตกรรมเพื่อชุมชนในยุคภาวะโลกเดือด (Innovation for Communities in the era of Global Boiling)
พูดถึงประเด็นที่มีความร้อนแรงอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ ก็คือ “ภาวะโลกเดือด” ซึ่งเป็นผลมาจากการที่อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งนี้ไม่ได้เป็นแค่ปัญหาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราทุกคนในสังคมอีกด้วย และสิ่งที่เราต้องตระหนักก็คือ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วมาก และรุนแรงกว่าที่เราคาดคิด ภาวะโลกเดือดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง น้ำท่วม หรือการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก
ซึ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่เราต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเราสามารถเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของทุกคนในชุมชน โดยเฉพาะการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน การบริหารจัดการขยะและมลพิษที่ดี การบริหารจัดการทรัพยากรทางน้ำ ทะเล และชายฝั่ง การป้องกันและการจัดการภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติ รวมถึงการช่วยลดคาร์บอนในระดับชุมชน โดยนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการจัดการปัญหาดังกล่าว
NIA ที่เห็นความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว จึงมีแผนดำเนินงานภายใต้โครงการนวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน ประจำปี 2568 (City & Community Innovation Challenge 2025) เพื่อเปิดรับนวัตกรรมในหัวข้อ นวัตกรรมเพื่อชุมชนในยุคภาวะโลกเดือด (Innovation for Communities in the Era of Global Boiling) โดยแบ่งเป็นประเด็นสำคัญ 5 ประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่ 1 พลังงานทดแทนสำหรับชุมชน (Renewable Energy for the Community)
นวัตกรรมเพื่อพลังงานทดแทนสำหรับชุมชน คือการประยุกต์การใช้งาน กระบวนการ รวมถึงวิธีการบริหารจัดการพลังงานในระดับบ้านเรือนหรือชุมชน โดยนำพลังงานทดแทนประเภทต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานชีวมวล พลังงานลม พลังงานน้ำ เป็นต้น เพื่อให้ชุมชนมีแหล่งพลังงานอื่นๆ ใช้ในชีวิตประจำวัน ประหยัดค่าใช้จ่าย เพื่อความยั่งยืนในอนาคต
ตัวอย่างโครงการนวัตกรรม เช่น
- โครงการเรือไฟฟ้า พลังงานโซล่าเซลล์ โดย วิทยาลัยเทคนิคนครอุบลราชธานี
- โครงการ DJOP Smart Farm ระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะ โดย บริษัท อัตลักษณ์ จำกัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) ร่วมมือกับ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดอุดรธานี
ประเด็นที่ 2 การบริหารจัดการทรัพยากรทางน้ำ ทางทะเล และชายฝั่ง (Water, Marine and Coastal Resources Management)
นวัตกรรมเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรทางน้ำ ทางทะเล และชายฝั่ง คือการบริหารจัดการ การใช้ประโยชน์ และอนุรักษ์เพื่อความเหมาะสมและเพียงพอสำหรับความต้องการอย่างยั่งยืน เช่น การจัดการทรัพยากรน้ำจืด น้ำประปา น้ำทะเล แม่น้ำ คลอง บึง ป่าชายเลน และชายหาด เป็นต้น ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มุ่งเน้นการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาคุณภาพน้ำ การบำบัดน้ำเสีย การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางน้ำ ทางทะเล และชายฝั่ง การท่องเที่ยวทางทะเลเชิงอนุรักษ์ รวมถึงการทำประมงยั่งยืน การแปรรูปอาหารทะเล และการฟื้นฟูระบบนิเวศสำหรับสัตว์น้ำ
ตัวอย่างโครงการนวัตกรรม เช่น
- โครงการ Inc-square: ระบบบึงประดิษฐ์บำบัดน้ำเสียในคลองชุมชน โดย บริษัท อิงค์ สแควร์ จำกัด ร่วมมือกับ สำนักงานเขตบางซื่อ ชุมชนสีน้ำเงิน และชุมชนบ้านมั่นคง กรุงเทพมหานคร
- โครงการแมวกินปลา โมเดลเพิ่มความสามารถในการจัดจำหน่ายอาหารทะเลยั่งยืน โดย บริษัท เอาท์คัม คอมมูนิเคชั่น จำกัด
ประเด็นที่ 3 การบริหารจัดการขยะและมลพิษ (Waste and Pollution Management)
นวัตกรรมเพื่อการบริหารจัดการขยะและมลพิษ จะมุ่งเน้นวิธีการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีหลายรูปแบบและครอบคลุมทุกขั้นตอนของการจัดการขยะประเภทต่าง ๆ เช่น ขยะเศษอาหาร ขยะจากเสิ้อผ้าแฟชั่น การลดขยะให้เหลือศูนย์ การนำขยะมาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ การลดการสร้างขยะ การเก็บรวบรวม การขนส่ง การคัดแยก การรีไซเคิล ไปจนถึงการจัดการขยะอย่างปลอดภัยในชุมชนพื้นที่ห่างไกล เช่น ชุมชนบนเกาะ หรือชุมชนชายแดน รวมถึงการจัดการมลพิษ ทางน้ำ ทางอากาศ ทางเสียง หรือวัสดุลดมลพิษด้วยผลิตภัณฑ์วิธีการหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ใช้ในการลดหรือป้องกันการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น
ตัวอย่างโครงการนวัตกรรม เช่น
- โครงการ Recycill ระบบทำลายเชื้อในขยะติดเชื้อโรงพยาบาล โดย บริษัท กานดา แอสเส็ท 2020 จํากัด ร่วมมือกับ โรงพยาบาลท่าโรงช้าง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
- โครงการ ผลิตภัณฑ์ศิลปะประเภทประติมากรรมจากพลาสติกและอลูมิเนียมรีไซเคิล โดย วิสาหกิจชุมชน From waste to Wow @ Bang Pung ร่วมมือกับ เทศบาลเมืองลัดหลวง จังหวัดสมุทรปราการ
ประเด็นที่ 4 การป้องกันและการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ (Natural Disaster Prevention and Management)
นวัตกรรมเพื่อการป้องกันและการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ธรณีพิบัติภัย อุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย ครอบคลุมถึงการป้องกันและลดผลกระทบ การเตรียมความพร้อม การเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉิน และการฟื้นฟูหลังจากเกิดภัยพิบัติ เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยพิบัติต่อชีวิต ทรัพย์สิน เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างโครงการนวัตกรรม เช่น
- โครงการ Dr. Barrier แอปพลิเคชันช่วยตัดสินใจในการชิงเผาเพื่อลดปัญหาไฟป่า โดย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
- โครงการ Fon Faa Arkat สถานีแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมและสภาพอากาศอย่างแม่นยำด้วย AI สำหรับชุมชน โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น
ประเด็นที่ 5 ความเป็นกลางทางคาร์บอนในระดับชุมชน (Carbon-Neutral Community)
นวัตกรรมเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอนในระดับชุมชน มุ่งเน้นในการแสวงหานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยให้ชุมชนสามารถลดหรือชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจนถึงระดับที่เป็นกลาง เพื่อเป้าหมายในการลดอุณหภูมิของโลกจากก๊าซเรือนกระจก เช่น การประเมินเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อลดคาร์บอน การอนุรักษ์ ออกแบบ การคำนวณการลดคาร์บอน ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ รวมถึงการปลูกป่าเส้นทางธรรมชาติเพื่อลดคาร์บอน เป็นต้น
ตัวอย่างโครงการนวัตกรรม เช่น
- โครงการการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์แบบคาร์บอนต่ำในพื้นที่คลองบางมดด้วยเรือไฟฟ้า EV โดย วิสาหกิจชุมชนคลองบางมดสร้างสรรค์
- โครงการสำรวจระยะไกลเพื่อประเมินศักยภาพและติดตามผลของการฟื้นฟูร่วมกับการพัฒนาชุมชน สำหรับตลาดคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ที่โปร่งใส โดย บริษัท เช้นจ์ เวนเจอร์ จำกัด
ดังนั้น NIA จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเสนอโครงการที่เกี่ยวข้องกับ “นวัตกรรมเพื่อชุมชนในยุคภาวะโลกเดือด” (Innovation for Communities in the era of Global Boiling) เพื่อขอรับการสนับสนุนภายใต้ “โครงการนวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน ประจำปี 2568” (City & Community Innovation Challenge 2025) วงเงินสนับสนุนสูงสุด 1.5 ล้านบาทต่อโครงการ โดยท่านสามารถติดตามการรับสมัครได้ทางเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของ NIA ทุกช่องทาง รวมถึงเว็บไซต์ของฝ่ายนวัตกรรมเพื่อสังคม
ขอขอบคุณที่มาของแหล่งข้อมูลจาก
- https://www.disaster.go.th/upload/download/file_attach/58a6b30b90dpdf
- https://www.unhcr.org/th/natural-disaster
- http://services.dede.go.th/opendata/
- https://www.egat.co.th/home/ghg-emissions-01/
- https://www.dmcr.go.th/aboutus/ab
- https://www.pcd.go.th/wp-content/uploads/2020/05/pcdnew-2020-05-24_04-01-30_pdf
บทความโดย
วัชราภรณ์ แสงสว่าง (ตาล)
นักพัฒนานวัตกรรม ฝ่ายนวัตกรรมเพื่อสังคม
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)