หมูดำดอยตุงเลี้ยงดูชุมชน สร้างความยั่งยืนให้ท้องถิ่น

หมูดำดอยตุงเลี้ยงดูชุมชน สร้างความยั่งยืนให้ท้องถิ่น

ช่วยปลูกคน มีอาชีพ พึ่งพาตนเอง รักษาผืนป่า สืบทอดวัฒนธรรม

หมูดำตอยตุงได้รับการยอมรับว่าเป็นอาหารเอกลักษณ์ท้องถิ่นของเชียงราย ท่านทราบหรือไม่ว่าเบื้องหลังรสชาติเลิศรสนั้นได้สร้างความยั่งยืนอันล้ำค่าให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ท้องถิ่น ให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว อยู่ร่วมกับผืนป่าได้อย่างสมดุล รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่นไว้ให้คนรุ่นหลังมายาวนาน

แนวพระราชดำริฯ “ปลูกคนเพื่อให้ชุมชนอยู่รอด”

ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ได้เล่าว่า “บนพื้นที่ผืนดินสีน้ำตาลแดงของภูเขาหัวโล้นทอดยาวในพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวงและอำเภอแม่สายในเขตอุทยานแห่งชาติดอยนางนอน มีกลุ่มชาติพันธุ์อาศัยอยู่มากกว่า 10 ชนเผ่า รวมถึง ลาหู่ อาข่า ไทลื้อ ไทใหญ่ ไทลั๊ว จีนยูนาน ในพื้นที่ 29 หมู่บ้าน ผู้คนไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสาธารณูปโภคพื้นฐานและขาดความรู้ทางด้านการเกษตร มีวิถีชีวิตที่แร้นแค้นนำมาซึ่งการประกอบอาชีพผิดกฎหมาย จนนำมาสู่การสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้ เมื่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จมาเยือนดอยตุงเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2530 ทรงตระหนักว่ารากเหง้าของปัญหาคือ ความยากจนและขาดโอกาสในการดำเนินชีวิต จึงทรงริเริ่มโครงการพัฒนาดอยตุงฯ เพื่อให้ชุมชนได้อยู่รอด โดยเริ่ม ‘ปลูกคน’ ด้วยการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่ให้ดีขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน บนความเชื่อสำคัญที่ว่า “ช่วยเขาให้เขาช่วยตัวเขาเอง” เน้นการลดรายจ่าย สร้างอาชีพ และเพิ่มรายได้

เป้าหมายในการปลูกคนนั้น คือ กระบวนการพัฒนาคนในพื้นที่ ชาวบ้านลดรายจ่ายจากความสามารถในการดูแลการปศุสัตว์ท้องถิ่นได้ด้วยตนเอง ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก มีองค์ความรู้ด้านการป้องกันโรคให้กับสัตว์เลี้ยงและรักษาโรคสัตว์เบื้องต้นเพื่อให้สุขภาพสัตว์ในพื้นที่แข็งแรงเจริญเติบโตได้ตามมาตรฐานพันธุ์ ให้ลูกดก คุ้มทุน เป็นอาชีพระยะยาว และเพิ่มรายได้จากการขยายผลผลิต รวมถึงต่อยอดผลิตภัณฑ์ประเภทแปรรูปให้หลากหลายมากขึ้น

ขุนหมูดำดอยตุงเพื่อสร้างอาชีพ

หมูดำของดอยตุงเป็นลูกผสมจากหมูดำเหมยซานที่รัฐบาลจีนน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย ได้นำมาพัฒนาสายพันธุ์ต่อ โดยรักษาพันธุ์เหมยซานไว้ที่ 62.5% และประกาศขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์พื้นเมืองประจำถิ่น ในปีพ.ศ. 2566

หมูดำดอยตุงมีจุดเด่น คือ สีดำสนิททั้งตัว แม้แต่ขนคิ้ว ขนตา ตามความนิยมของชนเผ่าบนดอยตุงที่ใช้หมูดำประกอบพิธีกรรมต่างๆ ทนต่อโรค ลูกดกถึง 15-20 ตัวต่อครอก กินง่าย อยู่ง่าย โตไว หมูดำดอยตุงในวัย 5 เดือนจะโตพอขายได้ น้ำหนักประมาณ 85-100 กิโลกรัม ขายได้ราคาเริ่มต้นที่ 10,000 บาท และหมูออกลูก 2 ครอกต่อปี จึงสร้างรายได้ปีละประมาณ 2.2 แสนบาท ยิ่งถ้าชำแหละขายเป็นเนื้อสด จะได้กำไรมากถึง 20,000 บาทต่อตัว และรายได้เพิ่มขึ้นได้อีกเมื่อนำไปแปรรูปเพิ่มมูลค่าเป็นแฮม ไส้กรอก และในรูปแบบอื่นๆ

ศูนย์วิจัยและพัฒนาหมูดำดอยตุง จึงได้ส่งเสริมและสนับสนุนพ่อแม่พันธุ์หมูดำให้เกษตรกรในพื้นที่ดอยตุงและพื้นที่ข้างเคียงในลักษณะธนาคารหมูโดยให้ชาวบ้านแบ่งปันกันเอง และให้น้ำเชื้อไปผสมเทียม ปัจจุบันส่งเสริมหมูดำไปแล้วประมาณ 2,800 ตัว แจกจ่ายให้เกษตรกรผู้เลี้ยง 168 ครัวเรือน โดย 77 ครัวเรือนเลี้ยงเพื่อบริโภคและลดรายจ่ายในชีวิตประจำวัน ส่วนอีก 91 ครัวเรือนเลี้ยงเพื่อจำหน่าย มีรายได้รวม 5,728,400 บาท หรือเฉลี่ยครัวเรือนละ 62,949 บาท

เสน่ห์ด้านรสชาติได้มาจากแหล่งอาหารธัญพืชท้องถิ่น เลี้ยงตามธรรมชาติที่ถูกสุขลักษณะบนดอยสูง 

เกษม จึงพิชาญวณิชย์ ผู้จัดการส่วนงานส่งเสริมอาชีพและคุณภาพชีวิต โครงการพัฒนาดอยตุงฯ  เล่าว่า หมูดำดอยตุงได้รับการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดโดยชุมชนชาติพันธุ์ที่อยู่บนเทือกเขาสูง และเลือกใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ธรรมชาติที่มาจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืนในท้องถิ่นตามภูมิปัญญาชาวบ้าน อาทิ อาหารหมูที่ทำมาจากการหมักกล้วยกับเศษพืชเหลือทิ้ง เช่น กากงาดำ กงาขาว กากขี้ม้อน รำข้าว เปลือกโกโก้หมัก หญ้าหวาน หญ้าเนปียร์ ข้าวโพดใบเตย โกฐจุฬา มะละกอ ขมิ้น ที่ปลูกในชุมชน เป็นไปตามภูมิสังคมของคนบนดอยตุง ทำให้เกิดเสน่ห์ของหมูดำดอยตุงที่มีเนื้อเยอะ มีมันแทรกในเนื้อเป็นลายหินอ่อน มีรสสัมผัสเนื้อที่นุ่ม ไม่แข็ง เป็นหมูเด้งธรรมชาติ

ในการจัดการสวัสดิภาพสัตว์นั้น สมาชิกชาวบ้านจะจัดหาอาหารที่มีคุณภาพที่เหมาะสมกับความต้องการของหมูแต่ละช่วงอายุ รวมถึงการให้อาหารที่เพียงพอตลอดทั้งวัน โดยเพิ่มปริมาณอาหารในช่วงเย็นเพื่อให้หมูได้กินอาหารในช่วงเวลากลางคืนตามพฤติกรรมธรรมชาติของหมูพื้นเมือง หมูดำที่นี่กินอาหารจากสมุนไพรที่ปลูกในพื้นที่ เป็นสูตรอาหารที่พัฒนาขึ้นมาเฉพาะที่ดอยตุง โดยเน้นการป้องกันโรค จึงช่วยลดการใช้ยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้ สนับสนุนให้เกษตรกรสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เป็นฟาร์มที่มีระบบป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม หมูเลี้ยงในพื้นที่ไม่แออัด ไม่เครียด อารมณ์ดี หมูจึงแข็งแรงตามธรรมชาติ มีภูมิคุ้มกันสูง ส่งผลให้อัตราการตายของหมูดำน้อยลง ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้ชาวบ้านได้ เมื่อเกิดโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF) ที่ระบาดแถบพื้นที่ภาคเหนือ แต่หมูดำดอยตุงรอดพ้นมาได้ที่เดียว จึงเป็นความภูมิใจของชาวบ้านที่สามารถเลี้ยงหมูให้สุขภาพดีแข็งแรง”

ชาวบ้านจะได้รับการส่งเสริมให้มีความรู้เรื่องการจัดการด้านปศุสัตว์ การจัดการฟาร์ม และการบริหารจัดการกองทุนด้วยตนเองเพื่อสร้างความยั่งยืนในอาชีพ ปลูกฝังให้สมาชิกกลุ่มผู้เลี้ยงหมูดำดอยตุงมีความใส่ใจดูแลสัตว์ รู้จักวิธีการและเทคนิคในการสังเกตพฤติกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพสัตว์อย่างเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับสัตว์ ซึ่งเปรียบเสมือนสินทรัพย์ของชาวบ้าน อันเป็นแนวคิดที่มีมานานตั้งแต่รุ่นปูย่า

น้ำดื่มสำหรับเลี้ยงหมูดำดอยตุงภายในฟาร์ม จะใช้เป็นน้ำประปาภูเขาจากธรรมชาติ มีมาตรฐานระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (Good Farming Management: GFM) หรือ มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี ตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์ จึงเป็นหมูที่สะอาด ปลอดภัย และถือว่าเป็นหมูออร์แกนิกเลยทีเดียว

ใช้นวัตกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนในระยะยาวให้ชุมชน

จากการเลี้ยงหมูดำเพื่อการดำรงชีพและวิถีปฏิบัติในการสรรหาของที่ดีที่สุดในการเซ่นสรวงวิญญาณและไหว้บรรพบุรุษ มาสร้างเป็นอาชีพ จนกระทั่งคนในชุมชนขายหมูดำในราคาสูงขึ้น โครงการพัฒนาดอยตุงฯ จึงใช้นวัตกรรมใหม่ๆ มุ่งแปรรูปหมูดำออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อเร่งสร้างรายได้ใหม่ให้ชุมชน และพัฒนาธุรกิจเลี้ยงหมูให้ยั่งยืนในระยะยาวมากขึ้น ปี 2566 ได้รับทุนสนับสนุนโครงการ“ทุนเครือข่ายวิสาหกิจนวัตกรรม” ภายใต้การสนับสนุนในโครงการนวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน กับทางสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อดำเนินโครงการ “ตามรอยพรีเมียมแฮมหมูดำดอยตุง” โดยการพัฒนา“ตู้บ่มพรีเมียมแฮมอัจฉริยะ” ที่สามารถควบคุมความชื้นและอุณหภูมิ ด้วยระบบ AI ในการผลิตดอยตุงแฮม “แห่งแรกในประเทศไทย” เปรียบเสมือนถ้ำจำลองเทียบเท่ากับการผลิตแฮมต่างประเทศ ซึ่งแฮมที่ถูกบ่มนี้จะถูกกระตุ้นจากปฏิกิริยาของเอนไซน์ในเนื้อ แล้วย่อยสลายแทรกตามเนื้อ ทำให้มีการคลายน้ำ เนื้อมีสีแดง มีกลิ่นหอมจากการบ่มที่ยาวนาน มีลักษณะที่สมบูรณ์ จึงได้ผลิตภัณฑ์พรีเมียมแฮมหมูดำดอยตุงชั้นเยี่ยม

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหมูดำดอยตุง อาทิ ไส้กรอกรมควันหมูดำดอยตุง สูตรลดไขมันและสูตรลดโซเดียม ไส้กรอกต้มหมูดำดอยตุง อาข่าส่าโก (PORK JERKY) ส่าจ๊อย (Lahu Sausage) เนื้อหมูดำดอยตุงแดดเดียว ล้วนได้รับความนิยมจากผู้บริโภคและสามารถนำไปปรุงเป็นเมนูเลิศรสได้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท่านเดินทางมาสัมผัสวิถีชีวิตจริงและชิมเมนูอาหารพื้นเมืองอันหลากหลายที่เชียงราย ท่านจะมีส่วนส่งเสริมให้คนในชุมชนเกิดรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงอาหารและวัตถุดิบมากขึ้น

ขยายผู้ประกอบการรายใหม่เพื่อสร้างการเจริญเติบโตการท่องเที่ยวเชิงอาหารและวัตถุดิบของประเทศ

มิ้นต์-นิภาพร พรสกุลไพศาล ลูกสาวชาวเผ่าลาหู่ บ้านขาแหย่งพัฒนา เมื่อเรียนจบ ม.6 จากโรงเรียนบ้านห้วยไร่พัฒนา ทั้งครอบครัวเคยไปทำงานที่เกาหลีใต้ แล้วกลับมาสร้างอาชีพเลี้ยงหมูดำ และเป็นตัวอย่างของผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนที่เลี้ยงหมูดำดอยตุงแล้วประสบความสำเร็จ

จากจุดเริ่มต้นครอบครัวของนิภาพร ลงทุนแม่พันธุ์ 1 ตัว 20,000 บาท และหมูเล็ก 10 ตัวอีก 15,000 บาท ปัจจุบัน ยกขายเป็นครอก บางครอกได้สูงสุด 15 ตัว ราคาขายตัวละ 9,000 บาท รายได้ครอกละ 135,000 บาท ในหนึ่งปี สามารถขายได้ 2 ครอก รายได้ประมาณ 270,000 บาท

มิ้นต์กำลังจะร่วมทุนกับเพื่อน เพื่อต่อยอดวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้เลี้ยงหมูดำดอยตุง ด้วยการเปิดที่พัก “เกษตรนกฮูก” และเสิร์ฟชาบู “หมูดำกระทะ” และแปรรูปหมูดำสไลด์แพ็คส่งขาย เธอเล่าว่า ตอนนี้กำลังเรียนวิธีทำไส้กรอก และลงทุนซื้อเครื่องสไลด์หมู ทำให้เนื้อหมู 1 ตัว ขายได้ถึง 14,000 บาท อนาคตเธอจะเปิดเขียงหมู และขายอาหารจากเนื้อหมูด้วย

ภายใต้แรงงานในครอบครัว 3 คน คือเธอ-แม่และพ่อ มิ้นต์ไม่เพียงขายเนื้อหมูให้กับคนในดอยตุง แต่เธอยังเปิดเพจขายหมูดำออนไลน์ด้วย

การเลี้ยงหมูดำดอยตุง ทำเกิดการจ้างงานในชุมชน ซึ่งรวมถึงผู้พิการ ผู้มีรายได้ต่ำ และผู้ด้อยโอกาส ชาวบ้านได้โอกาสในการสร้างอาชีพ มีกิน มีใช้ ลดค่าใช้จ่าย ตอบโจทย์การพัฒนาคน ส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้เสริม และเริ่มกลายมาเป็นรายได้หลักสำหรับหลายครัวเรือน ได้ต่อยอดองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้มากขึ้นอีกด้วย

อนาคตของหมูดำดอยตุง  

หมูดำดอยตุงช่วยให้ชุมชนมีอาชีพทางเลือกที่เหมาะสมกับบริบท มีความภูมิใจในอาชีพ มีเอกลักษณ์ สามารถพึ่งพาตนเอง และอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล หรือ คุณดุ๊ก ประธานเจ้าหน้าที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้วางแผนถึงอนาคตของหมูดำดอยตุงว่า “ในขั้นต่อไป หลังจากมีกลุ่มครัวเรือนที่ประสบความสำเร็จแล้ว เราอยากเห็นมีผู้สำเร็จเป็น ‘กลุ่มผู้ประกอบการ’ ในท้องถิ่นช่วยการสร้างห่วงโซ่และมูลค่าเพิ่มของการผลิตอาหารและการท่องเที่ยวท้องถิ่นให้ครบตั้งแต่ต้นจนจบแบบเบ็ดเสร็จมากขึ้น ตั้งแต่ การบรรจุ การขนส่ง ช่องทางการจำหน่าย การบริหารและการขยายตลาด การพัฒนาสินค้า การส่งไปขายยังต่างประเทศ รวมถึงพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตร ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น ทุกกิจกรรมที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หมูดำดอยตุงและผลิตภัณฑ์จากดอยตุง เพื่อให้รายได้กลับมาหมุนเวียนสร้างความเจริญในท้องถิ่น เป็นการสร้างความยั่งยืนระยะยาวอย่างมั่นคงอีกด้วย”

ปิดท้ายด้วยเมนูเลิศรสจากหมูดำดอยตุง

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์และขอเมนูพรีเมี่ยมอื่นๆ ได้ที่

👉สั่งผ่าน facebook : ศูนย์วิจัยและพัฒนาหมูดำดอยตุง

📞วิสาหกิจชุมชนกลุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์อำเภอแม่ฟ้าหลวง โทรสั่งสินค้า: 091-026-4388

👀 ขอข้อมูลเพิ่มเติม: ส่วนงานส่งเสริมอาชีพและคุณภาพชีวิต โครงการพัฒนาดอยตุงฯ

เอกสารอ้างอิง

  • มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรกฎาคม 2566 หน้า 01 – 03 และ 11
  • หมูดำดอยตุง เลี้ยงสูตรออร์แกนิก สู้โรค ASF วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567  https://www.prachachat.net/breaking-news/news-1505107
  • “แม่ฟ้าหลวง” มุ่งสู่ธุรกิจความยั่งยืน หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ข่าวเศรษฐกิจไทยรัฐ วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 หน้า 8

 

เรียบเรียงบทความโดย
นฤอร สังขจันทร์
โครงการ เล่าเรื่องเพื่อวิสาหกิจชุมชน สมาคมนิสิตเก่าอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย