งานคราฟท์จากธรรมชาติ ประดิษฐ์จากวัสดุเหลือทิ้งจากการเกษตร ทรงคุณค่าด้วยลายผ้าไทลื้ออันเป็นอัตลักษณ์เฉพาะที่สืบทอดมาช้านาน สร้างสรรค์งานให้น่าสนใจ
หากท่านกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ศิลปะหัตถกรรมท้องถิ่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า ลดการทิ้งเศษ ช่วยลดโลกร้อน และสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้ชุมชน ขอแนะนำ “พานาส” (Panas) ผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือทิ้งจากการเกษตร
พานาส ผ้าทอและผลิตภัณฑ์จากเส้นใยและใบสับปะรดกำเนิดจากการร่วมแรงร่วมใจของเกษตรกรชาวไทยและชาวชาติพันธุ์หลายหมู่บ้านในตำบลห้วยซ้อ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ภายใต้การนำของคุณพวงรัตน์ แสงเพชรรวมตัวกันก่อตั้งเป็น “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย A&R” ซึ่งโดดเด่นด้วยความพิถิพิถันสอดแทรกศิลปะลายผ้าทออัตลักษณ์ของชาติพันธุ์ไทลื้อ ม้งและอิ้วเมี้ยน ในเนื้องานได้อย่างสวยงามและน่ารัก
ปัจจุบัน หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน อันรวมถึงจังหวัดเชียงราย พะเยา และลำปาง เป็นแหล่งปลูกสับปะรดส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ปัตตาเวียป้อนโรงงานสับปะรดกระป๋อง เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดส่วนใหญ่ประสบปัญหามีรายได้ไม่แน่นอนจากระยะการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวสับปะรดอันยาวนานถึง 15 -18 เดือน และในการเก็บเกี่ยวผลผลิตในแต่ละครั้ง เกษตรกรจะต้องตัดแต่งต้นและตัดใบเพื่อให้แตกหน่อและออกผลในรอบต่อไป จึงมีภาระที่ในการกำจัดเศษใบสับปะรดจำนวนมากด้วยการเผา ซึ่งก่อมลภาวะทางอากาศ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และทำลายบรรยากาศและเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว และมีภาระค่าใช้จ่ายในการกำจัดสูงมากกว่า 3,000 บาทต่อไร่
ในบางช่วงเวลา ราคาสับปะรดตกต่ำ โรงงานไม่มารับซื้อสับปะรด ยิ่งทำให้รายได้ของเกษตรกรลดน้อยลง มีสับปะรดทิ้งมากขึ้น กลุ่มแรงงานชายจำเป็นต้องทำงานรับจ้างรายวัน ทำนา ทำสวนหาเลี้ยงครอบครัว ในขณะที่สตรีชาวเชียงของ ในเชียงรายขึ้นชื่อถึงฝีมือในการทอผ้าแทรกลวดลายโบราณอันงดงามเพื่อใช้ในวิถีชีวิตประจำวัน ซึ่งได้ถ่ายทอดภูมิปัญญาชาวบ้านมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย คุณพวงรัตน์จึงเกิดความคิดที่จะนำเอาเส้นใยจากใบสับปะรดมาใช้ประโยชน์ในงานทอผ้า ในปีพ.ศ. 2558 จึงได้รวมกลุ่มกับชาวบ้าน ทดลองสางเส้นใยของใบสับปะรด ล้างทำความสะอาด แล้วย้อมด้วยสีที่ได้จากธรรมชาติในท้องถิ่นตามภูมิปัญญาชาวบ้าน ทอด้วยกี่ทอพื้นบ้านและเทคนิคการทอของชาวชาติพันธุ์ไทลื้อ วางลวดลายบอกเล่าธรรมชาติที่ใกล้ชิด เช่น ลายน้ำไหลอันเป็นลายโบราณดั้งเดิมของไทลื้อ และลายฮ่อมดอย (หุบเขา) ซึ่งเป็นลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการไปเก็บใบสับประรดที่ไร่ของชาวม้งและอิ้วเมี้ยน จึงสอดแทรกความเป็นล้านนาได้อย่างลงตัว
งานทอผ้าที่ได้นี้ถือเป็นงานศิลปะหัตถกรรมอัตลักษณ์ท้องถิ่นอิงธรรมชาติ 100% โดยใช้เส้นใยสับปะรดธรรมชาติ 100% และใช้สีย้อมผ้าธรรมชาติ 100% เช่น สีแดงจากใบสักอ่อน สีเขียวจากใบหูกวาง สีน้ำเงินจากใบฮ่อม สีน้ำตาลจากเปลือกโกโก้ สีชมพูและสีม่วงจากแมลงครั่ง ปลอดสารเคมี ให้ผลงานผืนผ้าที่มีความงดงามตามธรรมชาติ พร้อมแสดงลายผ้าพื้นเมืองและลายใหม่ที่สร้างสรรค์สำหรับการใช้งานในโอกาสต่างๆ ได้อีกด้วย
และเมื่อผสมเส้นใยฝ้ายในอัตราส่วนใยสับปะรดร้อยละ 20 ใยฝ้ายร้อยละ 80 แล้ว จะได้ผ้าทอที่ให้เนื้อสัมผัสนุ่ม เนียนมือ วาว ลื่นมากขึ้นเหมาะกับการสวมใส่ เช่น เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ไม่แข็งกระด้าง
คุณพวงรัตน์ เล่าว่า “ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของพานาสได้รับการตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดี แต่เนื่องจากกระบวนการสางเส้นใยสับปะรดเพื่อนำมาทอเป็นผ้านั้น ต้องสางทีละใบด้วยมือของแรงงานชาวบ้านในชุมชน ซึ่งหมายถึงต้นทุนการผลิตด้านแรงงานสูง และกินเวลานานมาก ได้ผลผลิตน้อย จึงทำให้เสียโอกาสในการจำหน่าย และไม่สามารถรับออเดอร์จำนวนมากได้ พานาสจึงตัดสินใจขอคำปรึกษาและขอการสนับสนุนจากสำนักงานวัตกรรมแห่งชาติ (National Innovation Agency : NIA) ซึ่งเบื้องต้นได้สร้างนวัตกรรมเครื่องสางเส้นใยสับปะรดแบบเคลื่อนที่โดยฝีมือของคนไทย ป้อนใบสับปะรดได้มากขึ้น จึงช่วยเร่งการสางและล้างเส้นใยให้เร็วขึ้น สามารถนำไปใช้ในพื้นที่ที่มีการตัดใบสับปะรดที่ห่างไกลได้อย่างสะดวก หลังจากนั้น จะนำเส้นใยมาตากแห้งด้วยแสงแดดและรอการย้อมสีจากวัสดุธรรมชาติตามขั้นตอนต่อไป”
ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องสางเส้นใยสับปะรดจากสำนักงานวัตกรรมแห่งชาติ จำนวน 2 เครื่องนี้มีประสิทธิภาพสูง รองรับการเย็บต่อใบสับปะรดให้เป็นเส้นยาวขึ้น ทำให้สามารถใช้ใบสับปะรดที่สั้นซึ่งเดิมจำเป็นต้องทิ้งเป็นเศษไป พานาสจึงสามารถผลิตเส้นใยใบสับปะรดได้เร็วขึ้น พอที่จะมีปริมาณรองรับคำสั่งซื้อจำนวนมากขึ้น โดยที่ยังคงไว้ซึ่งวิถีใกล้ชิด และถนอมรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลดภาระค่าใช้จ่ายในการกำจัดใบสับปะรดกว่า 3,000 บาทต่อไร่อีกด้วย
ในการกำจัดใบสับปะรดเล็กๆ ที่ไม่ได้มาตรฐานไม่ให้เหลือทิ้งนั้น พานาสได้นำไปขึ้นรูปเป็นกระถางต้นไม้และอัดเป็นกระดาษแข็ง จึงเป็นการใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากเส้นใยแล้ว พานาสยังนำใบสับปะรดทั้งใบมาอบแห้งแล้วขึ้นรูปเป็นแผ่นวัสดุที่สามารถนำไปใช้ในงานออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้หลากหลาย
เครื่องสางเส้นใยดังกล่าวจะช่วยให้ได้เส้นใยสับปะรดที่เล็กกว่า ให้ความนุ่มกว่า ได้ความหนาและแข็งแรงกว่าผลิตภัณฑ์ของแบรนด์อื่น ดูแลง่าย ราคาเข้าถึงได้ง่าย ผนวกกับลายล้านนา รังสรรค์งานที่มีเสน่ห์และใช้งานได้ดี จึงทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดในจำนวนมาก
คุณพวงรัตน์เล่าว่า “ผู้ซื้อมีทั้งชาวไทยและต่างชาติ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวไทย เป็นตลาดดั้งเดิมที่นิยมสินค้าพื้นเมืองของดีของไทย เช่น กลุ่มข้าราชการ ผู้ใหญ่ที่รู้จักแบรนด์จากงานแสดงสินค้า การออกงานต่างๆ และชอบซื้อผลิตภัณฑ์พวกเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย กระเป๋า กระเป๋าถืออยู่แล้ว ตอนนี้ สนใจผลิตภัณฑ์งานคราฟท์อื่นๆ มากขึ้น เช่น กระเป๋าใส่ไอแพดและโน้ตบุ๊ก ผลิตภัณฑ์ประเภทของใช้ในบ้าน พวกผ้าคลุมเตียง ผ้าปูโต๊ะ ผ้ารองจาน รองแก้วน้ำ ส่วนประกอบของเฟอร์นิเจอร์ ชุดโต๊ะเก้าอี้ ส่วนชาวต่างชาติจะชื่นชอบดีไซน์อัตลักษณ์ท้องถิ่นที่ดูแปลกตาและสินค้าที่ผลิตจากธรรมชาติ จึงนิยมไปทำเป็นผ้าม่าน ผ้าแขวนผนังโชว์ลายและสีสันเพื่อตกแต่งสถานที่ และอื่นๆ”
พานาสประสบความสำเร็จและกลายเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มที่เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ชนชาติพันธุ์และชาวบ้านในท้องถิ่นซึ่งรวมตัวกันสร้างเครือข่ายเป็นกำลังการผลิต เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้ที่ตนชำนาญและแบ่งชุมชนออกเป็นกลุ่มเพื่อทำงานที่ตนถนัด และบริหารงานได้คล่องตัวมากขึ้น เช่น กลุ่มทอผ้า กลุ่มตัดเย็บ กลุ่มปักผ้า กลุ่มย้อมผ้า เป็นต้น ในปัจจุบัน พานาสรับซื้อใบสับปะรดจากเกษตรกรที่บ้านทุ่งพัฒนา บ้านน้ำม้าและบ้านทุ่งงิ้ว จึงสามารถผลิตสินค้าได้ตลอดทั้งปี ทำให้เกิดการแบ่งปันโอกาสในการสร้างงาน สร้างรายได้ที่ต่อเนื่องมากขึ้นในชุมชน สร้างความสามัคคีในท้องถิ่น ในขณะที่ยังสืบสานและอนุรักษ์สมบัติอันล้ำค่าของล้านนาในอำเภอเชียงของไว้ได้อย่างภาคภูมิใจอีกด้วย
พานาสก้าวเดินต่อสร้างศูนย์เรียนรู้เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้และวัฒนธรรมที่สั่งสมมา ต้อนรับผู้สนใจทุกกลุ่ม นับตั้งแต่หน่วยงานราชการที่มาดูงาน นักศึกษาที่มาหาโจทย์เพื่อช่วยหาคำตอบ ให้คำแนะนำด้านวิชาการ ช่วยออกแบบและพัฒนาด้านต่างๆ ครอบครัวและประชาชนทั่วไปที่ต้องการกิจกรรมสันทนาการ โดยได้จัดเป็นเวิร์กชอปในระยะเวลาอันเหมาะสม จัดกิจกรรมที่ลงมือทำจริงเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ รวมถึงให้กลุ่มชาวบ้านนำเสนอมื้ออาหารพื้นเมือง และแนะนำที่พักให้อย่างครบวงจร สนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนได้อีกทางหนึ่ง
คุณพวงรัตน์เล่าต่อถึงความตั้งใจแบ่งปันความรู้กลับสู่สังคมอย่างภาคภูมิใจว่า “เรามีการแบ่งองค์ความรู้เรื่องสับปะรด เป็นเครือข่ายด้วยกัน เราจะเติบโตไปด้วยกัน อย่างที่ จังหวัดตราดก็ทำไร่สับปะรดเหมือนกัน ได้มาศึกษาดูงานสับปะรดของพี่รัตน์ และก็เชิญพี่รัตน์ไปบรรยายแบ่งปันความรู้ที่จังหวัดตราดอีกด้วย และยังมีอีกหลายจังหวัด เช่น กลุ่มสับปะรดที่อุตรดิตถ์ที่ลำปางก็มาดูงานที่เชียงราย และเชิญให้พี่รัตน์ไปแบ่งปัน ซึ่งพี่รัตน์ยินดีไปช่วยเพราะอยากมีส่วนสร้างอาชีพให้ชุมชนในจังหวัดต่างๆ ค่ะ”
พานาสได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง กลายเป็นสินค้าที่ท่านอาจคาดไม่ถึงและน่าสนใจอีกมากมาย ยกตัวอย่างคือ หลังจากพานาสสามารถปรับการทอผ้าให้หนาขึ้นได้ สายมูก็นำไปประยุกต์ผลิตเป็นผ้าปูบนที่นอนเหล็กตามสีของธาตุของผู้นอน เช่น สีเขียว สีม่วง สีรุ้ง ซึ่งความหนาของผ้าจะช่วยให้มีความทนทานมากขึ้น รองรับความร้อนจากเหล็กได้ดี นอนแล้วรู้สึกสบาย ได้ความเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถนำไปผลิตเป็นเบาะผ้ารองนั่งวิปัสสนาที่นิ่ม ไม่ปวดเมื่อย จึงช่วยนั่งเจริญธรรมได้นานขึ้น
นอกจากนี้ ด้วยความมีเอกลักษณ์ของลายผ้าทอโบราณ นิ่ม ไม่แตก มีน้ำหนักเบา ผลิตภัณฑ์ของพานาสยังเหมาะเป็นของขวัญประเภทงานคราฟต์ที่สะท้อนถึงความปราณีตและวัฒนธรรมที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นสำหรับซื้อหา พกพา มอบให้ในโอกาสต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ประเภทกรอบรูป ผ้าตกแต่งโต๊ะ ผ้าวางแจกัน และกระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เป็นของฝากแด่ชาวต่างชาติและญาติมิตร ของแจกในงานสัมมนาที่ต่างประเทศ และของชำร่วยในงานแต่งงานหรืองานอืนๆ
พานาสจึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นเหมือนของขวัญทรงคุณค่า ที่ธรรมชาติมอบตอบแทนแด่ผู้รัก ดูแลธรรมชาติและดูแลเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง
📞 โทรและไลน์สั่งสินค้า : 098 663 3949
👀 เฟซบุ๊ก : Poungrat Sangpench
เรียบเรียงบทความโดย
พัชรี ดวงแสงทอง
โครงการ เล่าเรื่องเพื่อวิสาหกิจชุมชน สมาคมนิสิตเก่าอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี